วันอังคารที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

Collagen Plus (คอลลาเจน พลัส) นวัตกรรมเติมเต็มคลอลาเจนดูแลผิวแลดูกระชับ เรียบ เนียน กระจ่างใส

Item #27067TH
ปริมาตรสุทธิ 92 กรัม
อย.เลขที่ 10-3-03646-1-0036
ทำไม? ต้องคอลลาเจน
คอลลาเจน เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่เป็นโครงสร้างหลักของร่างกาย มีปริมาณ 1 ใน 3 ของโปรตีนทั้งหมดในร่างกาย พบได้โดยทั่วไปของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นผิวหนัง กล้ามเนื้อ เอ็นข้อต่อ กระดูก หลอดเลือด เส้นผม และเล็บ
คอลลาเจน ที่อยู่ในผิวหนังชั้นหนังแท้ จะทำหน้าที่เปรียบเสมือนกาวยึดเซลล์ต่างๆ ในชั้นผิวให้ติดกัน ช่วยให้ผิวมีความเปร่งปลั่ง ยืดหยุ่น เต่งตึงกระชับ แต่เมื่ออายุ 25 ปีขึ้นไป
คอลลาเจนในชั้นผิวจะเริ่มเสื่อมสภาพ ประกอบกับอัตราการสร้างคอลลาเจนในร่างกายก็ลดลงด้วยเช่นกัน เมื่อคิดเป็นอัตราส่วนตั้งแต่อายุ 25 ปี เราจะสูญเสียคอลลาเจนไป 1.5 % ทุกๆ ปี ส่งผลให้ความหนาแน่นของคอลลาเจนที่รากผิวลดลง เกิดริ้วรอยเป็นร่องลึก เ่หี่ยวย่น ขาดความเนียนกระชับ สังเกตได้จาก เวลายิ้ม ขมวดคิ้ว หรี่ตาหรือกระพริบตา จึงมีริ้วรอยปรากฏบนใบหน้า นั่นเอง

คอลลาเจน คืออะไร

คอลลาเจน (collagen) มีสารประกอบที่สำคัญคือ Proteoglycan และ Glyconsaminoglycans ซึ่งเป็นโครงสร้างหลักของผิวเส้นผม เล็บ กระดูก ข้อต่อ ตลอดจนผนังหลอดเลือด จึงทำให้มีบางคนเรียก คอลลาเจน (collagen) ว่า "กาวแห่งชีวิต" เพราะทำหน้าที่เชื่อมเซลล์และอวัยวะต่างๆ ในร่างกายเข้าด้วยกันรวมทั้งปกป้องอวัยวะภายในร่างกายให้อยู่ด้วยกันในผิวหนังชั้นหนังแท้ นอกจากนี้ คอลลาเจน (collagen) ยังมีส่วนช่วยเสริมสร้างความเรียบตึงของผิวหนังทำให้ผิวแข็งแรงและเรียบเนียน โดยจะทำหน้าที่คู่กับโปรตีนที่สำคัญอีกชนิดหนึ่งคือ อีลาสติน (Elastin) ซึ่งช่วยสร้างความยืดหยุ่นให้กับผิวและทำให้ผิวไม่มีริ้วรอย ดังนั้นในปัจจุบันเราจึงมักจะพบเห็นหรือได้ยินการกล่าวถึง คอลลาเจน (collagen) กันอย่างกว้างขวางโดยเฉพาะในแวดวงความสวยความงาม
การสูญเสีย คอลลาเจน (collagen)

น่าเสียดายที่เราพบข้อเท็จจริงว่าคนเราเมื่อมีอายุ 25 ปีขึ้นไป คอลลาเจน (collagen) จะเริ่มเสื่อมสภาพลงเพราะอัตราการสังเคราะห์ คอลลาเจน (collagen) ใต้ผิวหนังในชั้นหนังแท้จะลดลงถึง 1.5% ต่อปีและเป็นความโชคร้ายที่จะเกิดกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชายหรือที่เป็นปัญหาเรื่องแก่ก่อนวัยของสาวๆ ซึ่งอัตราการลดลงของ คอลลาเจน (collagen) ในผิวหนังนั้นจะมีผลให้ผิวพรรณค่อยๆ สูญเสียความชุ่มชื้น ยุบตัวลง ผิวที่เคยสวยเต่งตึงก็จะเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นและสัญญาณของความร่วงโรยจะค่อยๆ เริ่มขึ้นเมื่ออายุ 30 ปีผิวจะเริ่มหย่อนคล้อยยิ่งอายุเพิ่มขึ้นสัญญาณของความร่วงโรยก็จะเพิ่มเป็นเงาตามตัว
อัตราการเริ่มสูญเสียคอลลาเจน (collagen) เมื่ออายุ 25 ปีขึ้นไป
- อายุ 30-39 ปี ผิวจะเริ่มมีรอยย่นบางๆ ทอดยาวบริเวณหน้าผาก มีริ้วรอยเล็กๆ ใต้ขอบตาล่างและหางตาจะเห็นชัดเวลายิ้มและมีรอยย่นตรงระหว่างคิ้วซึ่งจะเห็นชัดเวลาหน้านิ่ว มีริ้วรอยบางๆ ที่ร่องแก้มจากจมูกจนถึงเหนือริมฝีปาก อาจเกิดไฝ กระ ฝ้าทั้งแบบลึกและตื้นขนาดของรูขุมขนจะเห็นชัดขึ้น
- อายุ 40-49 ปี รอยย่นบริเวณหน้าผาก ระหว่างคิ้ว ใต้ขอบตาล่างและหางตาเห็นชัดเจนมากขึ้น รอยย่นข้างแก้ม และร่องแก้มลึกทอดยาวไปจนจดมุมปาก มีฝ้าชนิดลึกมากขึ้นสภาพผิวเริ่มแห้งมีรูขุมขนใหญ่และเริ่มจะเป็นสิวอีกครั้ง มีติ่งเนื้อขึ้นกระจัดกระจายเป็นตุ่มเล็กๆ สีน้ำตาลภาวะนี้เรียกว่าวัยเริ่มตกกระ
- อายุ 50-64 ปี ผิวจะมีสภาพเหมือนกับวัย 40-49 ปี แต่จะมีรอยย่นตามร่องแก้มลึกทอดยาวไปจนถึงบริเวณใต้มุมปาก มีฝ้าเกิดขึ้นและติ่งเนื้อมีขนาดใหญ่ขึ้น
- อายุ 65 ปี ขึ้นไปผิวหนังหยาบกร้าน มีริ้วรอยทั่วหน้า ริมฝีปากบางมีรอยย่นเหนือริมฝีปาก ส่วนการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ คล้ายกับวัย 50-64 ปี
ดังนั้นจึงถือว่าเป็นเรื่องของธรรมชาติที่ต้องเกิดขึ้นกับทุกคนโดยที่เราไม่สามารถหยุดยั้งได้ แต่เราสามารถช่วยชะลอความเสื่อมของผิวพรรณและรักษาผิวไว้ให้ดูดีให้นานที่สุดได้เช่นเดียวกัน โดยการใช้ สารสกัดโปรตีน คอลลาเจน (collagen) เพื่อทดแทน คอลลาเจน (collagen) ที่สูญเสียไป
การทดแทน คอลลาเจน (collagen) ที่สูญเสียไป

การนำสารสกัดโปรตีน คอลลาเจน (collagen) เข้าสู่ร่างกายเพื่อผลในการบำรุงผิวและลดริ้วรอยนั้นปกติทำได้ 2 วิธีคือ 
  1. การฉีดเข้าใต้ผิวหนังชั้นหนังแท้และการรับประทานในรูปแบบผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เนื่องจาก คอลลาเจน (collagen) เป็นโปรตีนที่มีโครงสร้างโมเลกุลใหญ่มากดังนั้นจึงไม่สามารถซึมผ่านผิวหนังได้ด้วยการทา ซึ่งครีมบำรุงผิวต่างๆ ตามท้องตลาดที่มีส่วนผสมของ คอลลาเจน (collagen) ก็จะเป็นเพียงการผลัก คอลลาเจน (collagen) ให้เข้าไปอยู่ได้แค่ชั้นผิวหนังกำพร้า แต่เนื่องจาก คอลลาเจน (collagen) มีคุณสมบัติอุ้มน้ำไว้ได้ประมาณ 30 เท่าของน้ำหนักจึงทำให้ผิวชั้นหนังกำพร้าชุ่มชื้นขึ้นเท่านั้นจึงไม่สามารถแก้ไขปัญหาริ้วรอยได้อย่างเป็นรูปธรรม และหากจะเปรียบเทียบระหว่างการฉีด คอลลาเจน (collagen) เข้าใต้ผิวหนังกับการรับประทานแล้ว จะพบว่า วิธีการรับประทานนั้นง่ายและสะดวกมากกว่าการฉีด ซึ่งค่อนข้างยุ่งยากมีค่าใช้จ่ายสูงและต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญ 
  2. การรับประทานนั้นยังเป็นการนำ คอลลาเจน (collagen) เข้าไปเสริมสร้างทั้งส่วนของผิวหน้าและผิวพรรณทั่วร่างกาย โดยผลการวิจัยด้านโภชนาการได้ค้นพบว่า การรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีส่วนประกอบของสารที่สกัดจากโปรตีนของปลาทะเลน้ำลึกบางประเภทที่มีโครงสร้างทางโมเลกุลคล้ายกับโครงสร้าง คอลลาเจน (collagen) ของผิวคนเรา โดยวิธีการ Enzymatic Hydrolysis เป็นประจำอย่างต่อเนื่องนั้น สามารถช่วยเสริมสร้าง คอลลาเจน (collagen) ที่สูญเสียไปตามวัยที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งช่วยปกป้องและชะลอริ้วรอยเหี่ยวย่น รอยตีนกา ความแห้งกระด้าง ช่วยให้ผิวพรรณมีความชุ่มชื้น นุ่มนวล คงความยืดหยุ่นของผิวไว้ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังช่วยบำรุงเล็บและเส้นผมให้มีสุขภาพดีได้อีกด้วย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก vistra
ขอบคุณรูปจาก SKINPERFECT
Made in U.S.A. 

**สมัครสมาชิกรับส่วนลด 25% สามารถซื้อสินค้าได้จากศูนย์จัดจำหน่ายสินค้าทั่วประเทศ
 (สนใจข้อมูลธุรกิจหรือผลิตภัณฑ์ INBOX) เข้ามาค่ะ

วันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

Core H Basics™ (คอร์ เอช เบสิกส์) สารอาหารและวิตามินรวมที่จำเป็นต่อร่างกาย มากกว่า 19 ชนิด

Item #19840TH
น้ำหนักสุทธิ 64.90 กรัม
ขนาดบรรจุ 60 แคปซูล
อย.เลขที่ 10-3-03646-1-0023
ผลลัพธ์ที่ได้ :
–> ทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น แข็งแรง ในทุกๆ วันเพราะได้รับสารอาหารและวิตามินที่เพียงพอต่อวัน
–> ช่วยบำรุงผิวพรรณ สายตา และสมอง
–> ช่วยชะลอความแก่ ต่อต้านอนุมูลอิสระ
–> เสริมบำรุงในผู้ที่เบื่ออาหาร, อ่อนเพลีย, เหนื่อยล้า, อดนอน และผู้ที่ทำงานหนัก
คุณประโยชน์ของวิตามินที่ได้รับ :
–> เบต้าแคโรทีน : ให้วิตามิน A ช่วยบำรุงสายตา, ผิวพรรณและชะลอความแก่
–> วิตามิน C : ต้านอนุมูลอิสระ, ป้องกันหวัด, บำรุงหัวใจ
–> วิตามิน D : ส่งเสริมการดูดซึมแคลเซียม, บำรุงกระดูก
–> วิตามิน E : บำรุงหัวใจ, ผิวพรรณ ต้านอนุมูลอิสระ
–> วิตามิน B1, B2, B3, B5, B6, B12 : ช่วยเสริมสร้างพลังงาน, สร้างเม็ดเลือดแดง

–> ฟื้นฟูระบบประสาทและระบบความจำ
–> กรดโฟลิค : เสริมสร้างเม็ดเลือด ผิวหนัง เล็บ
–> ไบโอติน : กระตุ้นการเกิดใหม่ของเซลล์ผมและเล็บ
–> แคลเซียม : บำรุงกระดูกและกล้ามเนื้อ
–> ไอโอดีน : เสริมสร้างพลังงานและต่อมไทรอยด์
–> แมกนีเซียม : ลดความเครียด เสริมสร้างกระดูกกล้ามเนื้อ
–> เซเลเนียม : ป้องกันมะเร็งผิวหนังและตับ ชะลอความแก่
–> แมงกานีส : เสริมสร้างกระดูกกล้ามเนื้อ
–> ลูทีน : บำรุงสายตา ต้านอนุมูลอิสระ
–> ซิงค์ : บำรุงผิวพรรณ และระบบสืบพันธุ์ ช่วยการดูดซึมวิตามิน A


วิธีรับประทาน :
–> วันละ 2 เม็ด หลังอาหาร
คำแนะนำ :
–> ไม่ควรรับประทานเกิน 2 เม็ด / วัน

Health Tips
  • อาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ โดยเฉพาะผัก ผลไม้ และธัญพืช
  • ดื่มน้ำสะอาด อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพื่อให้ผิวมีความชุ่มชื้นอยู่เสมอ
  • ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 6-8 ชม. จะช่วยให้ผิวพรรณแลดูสดใส
  • ทำอารมณ์ให้แจ่มใสอยู่เสมอ เพื่อชะลอวัย
  • ควรออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อให้เลือดไหลเวียนได้ดียิ่งขึ้น
Made in U.S.A. 

**สมัครสมาชิกรับส่วนลด 25% สามารถซื้อสินค้าได้จากศูนย์จัดจำหน่ายสินค้าทั่วประเทศ
 (สนใจข้อมูลธุรกิจหรือผลิตภัณฑ์ INBOX) เข้ามาค่ะ


วันเสาร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

Bios Life Slim® (ไบออสไลฟ์ สลิม) นวัตกรรมจัดการไขมันส่วนเกินด้วยวิธีธรรมชาติ 90 วัน

อย.เลขที่ 10-1-10752-1-0052
http://www.pdr.net/full-prescribing-information/bios-life-slim?druglabelid=584

Bios Life S จะได้ผลจริงหรอ?

เพียงดื่ม Bios Life S อย่างน้อย 2 มื้อ ก่อนอาหาร จะช่วยให้คุณเผาผลาญไขมันได้อย่างยอดเยี่ยม และทำให้ความอยากอาหารลดน้อยลง

ทาน Bios Life S นานแค่ไหนถึงจะเห็นผล?

คนส่วนใหญ่ต้องการลดน้ำหนักและไม่อยากกลับมาอ้วนอีก โดยปกติเมื่อทาน Bios Life S เป็นเวลา 3 เดือน น้ำหนักก็จะคงที่อย่างถาวรและไม่กลับมาอ้วนอีก ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ Bios Life S ส่วนมากจะเริ่มรู้สึกดี และพบการเปลี่ยนแปลงน้ำหนักภายใน 30 วัน

คุณประโยชน์
- ควบคุมน้ำหนักด้วยวิธี ธรรมชาติ ปลอดภัย 100%
- ลดไขมันสะสม
- ลดสัดส่วนให้ดูเพรียวกระชับ
- ให้สารต้านอนุมูลอิสระ
- ให้ใยอาหาร และวิตามินที่มีประสิทธิภาพสูง
- ไฟเบอร์ เส้นใยอาหาร จะทำให้การย่อยภายในกระเพาะอาหารเป็นไปอย่างช้าๆ ทำให้อิ่มนานไม่หิวบ่อย
- ช่วยเสริมระบบการทำงานของลำไส้
- ช่วยทำให้อุจจาระนิ่ม ช่วยทำให้การขับถ่ายง่ายขึ้น
- เร่งเผาผลาญ คลอเรสเตอรอล จึงช่วยลดระดับคลอเรสเตอรอล ในร่างกาย
- ไม่ต้องอดอาหาร ไม่ต้องควบคุมอาหาร
- ควบคุมความต้องการน้ำตาลในเลือด
- กระตุ้นให้เอนไซม์ ที่มีหน้าที่ยับยั้งความอยากอาหาร
- ช่วยทำให้ร่างกายรู้สึกอิ่ม


วิธีรับประทาน
ชง Bios Life S (ไบออสไลฟ์สลิม) 1 ซอง ผสมน้ำเย็น 300 ซีซี เขย่าให้เข้ากันแล้วดื่มทันที ก่อนอาหาร  5-10 นาทีสามารถผสม น้ำผลไม้ นมเปรี้ยว โยเกิร์ต นมไขมันต่ำ เพื่อให้เกิดรสชาติตามความเหมาะสม

แนะนำสูตร 4 - 4 - 12

4 - 4 - 12 คือ อาหารมื้อเช้ากับมื้อเที่ยงห่างกัน 4 ชั่วโมงและมื้อเที่ยงกับมื้อเย็นห่างกัน 4 ชั่วโมงส่วนมื้อเย็นกับมื้อเช้าห่างกัน 12 ชั่วโมง โดยไม่ต้องงดอาหารสักมื้อ เวิร์ค!!

กฎเหล็ก 5 ข้อ
1. ทานอาหารมื้อเช้า เที่ยง เย็น ในหนึ่งวัน แต่ละมื้อห่างกันอย่างน้อย 4 ชม.
2. อาหารมื้อสุดท้ายก่อน 19.00 น. ควรเว้นระยะห่างประมาณ 12 ชม.ก่อนที่จะทานมื้อเช้าของวันต่อไป
3. เริ่มต้นเดินวันละ 30 นาที จะช่วยให้กล้ามเนื้อกระชับ
4. ค่อยๆ ลดอาหารจำพวกแป้ง น้ำตาล ขนมหวานลงและเปลี่ยนเป็นโปรตีน
5. เคี้ยวอาหารช้าๆ เพื่อให้สมองส่งสัญญาณว่าร่างกายรู้สึกอิ่ม

**แนะนำเพิ่มเติม**
เพื่อให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว ควร ล้างสารพิษ 5 ระบบ ก่อนรับประทาน Bios Life Slim

เงื่อนไขการคืนสินค้า
-  ก่อนทาน Bios Life S ควรตรวจวัดสัดส่วนรอบคอ,รอบอก,รอบแขน,รอบเอว,รอบสะโพก,รอบต้นขา ได้ที่ศูนย์จัดจำหน่ายใกล้บ้านท่าน จะมีการตรวจวัดสัดส่วนของท่านทุกๆ 1 สัปดาห์ เป็นระยะเวลา 12 สัปดาห์ ปฏิบัติตามกฏอย่างเคร่งครัด ถ้าสัดส่วนไม่ลดลง ยินดีคืนเงิน 100%


Bios Life the NO.1 Bestseller product All around the world
ไบออสไลฟ์ผลิตภัณฑ์ที่ขายดีอันดับ 1 ทั่วโลก

Made in U.S.A. 

**สมัครสมาชิกรับส่วนลด 25% สามารถซื้อสินค้าได้จากศูนย์จัดจำหน่ายสินค้าทั่วประเทศ
 (สนใจข้อมูลธุรกิจหรือผลิตภัณฑ์ INBOX) เข้ามาค่ะ

วันพุธที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

Bios Life ProBionic® (โปรไบโอนิกส์) นวัตกรรมจุลินทรีย์ธรรมชาติดูแลระบบลำไส้

อย.เลขที่ 10-3-03646-1-0041
ขนาดบรรจุ 30 ซอล (60 กรัม)
ผลิตภัณฑ์นี้อยู่ใน PDR
PHYSICIANS' DESK REFERENCE หรือ PDR เป็นแหล่งข้อมูลที่ได้รับการไว้วางใจมากที่สุดในการสั่งจ่ายยา หรือให้คำแนะนำจากแพทย์ ที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐแล้ว PDR ส่งตรงถึงมือแพทย์ และหัวหน้าเภสัชกรทั่วทั้งสหรัฐอเมริกา ผู้ที่มีอาชีพทางด้านการดูแลสุขภาพถือว่าการอ้างอิงข้อมูลจาก PDR เป็นที่น่าเชื่อถือ และสามารถช่วยให้พวกเขาตัดสินใจได้อย่างถูกต้องในการให้คำแนะนำแก่ผู้ป่วย ว่าควรใช้ผลิตภัณฑ์ใด

โปรไบโอติกส์และพรีไบโอติกส์ คืออะไร?

โปรไบโอติกส์ (Probiotics) คือ จุลินทรีย์ที่ให้เสริมเข้าไปจากภายนอกร่างกายในปริมาณที่เพียงพอเพื่อจะก่อให้เกิดผลดีต่อสุขภาพร่างกาย ซึ่งโดยปกติร่างกายจะมีโปรไบโอติกส์เหล่านี้อยู่แล้ว แต่ด้วยปัจจัยต่างๆ เช่นการทานยาปฏิชีวนะ การกินอาหารที่มีไขมันน้ำตาลและโปรตีนสูง การดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่ ความเครียดหรือความวิตกกังวล ทำให้ปริมาณโปรไบโอติกส์ลดลงได้ โปรไบโอติกส์ที่รู้จัก เช่น แลคโตบาซิลลัส (Lactobacillus)

พรีไบโอติสก์ (Prebiotics) เปรียบเสมือนอาหารของโปรไบโอติกส์ เนื่องจากร่างกายเราไม่สามารถย่อยได้ เมื่อผ่านเข้าไปในลำไส้จึงกลายเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญ ทำให้โปรไบโอติกส์เพิ่มจำนวนและแข็งแรงมากขึ้น พรีไบโอติกส์ที่รู้จักกันดี เช่น โอลิโกฟรุคโตส (oligofructose) และอินนูลิน (inulin)

ประโยชน์ของโปรไบโอติกส์
- ช่วยควบคุมสมดุลของเชื้อจุลินทรีย์ในระบบทางเดินอาหาร
- ช่วยลดจำนวนแบคทีเรียที่เป็นโทษต่อร่างกาย
- บรรเทาอาการท้องผูก ท้องเสีย
- เพิ่มภูมิต้านทานให้ร่างกาย
- เพิ่มการดูดซึมของสารอาหาร และวิตามินในลำไส้
- ช่วยย่อยน้ำตาลแลคโตสในนม ป้องกันไม่ให้เกิดอาการท้องเสียเนื่องจากการรับประทาน

วิธีรับประทาน : Bios life Probionic ทาน 1 ซอง + น้ำ หรือนมเปรี้ยว 200 CC. ทานก่อนนอน

* หลังจากเปิดฝาผลิตภัณฑ์แล้ว ควรทานให้หมดภายใน 3-6 เดือน (เพื่อป้องกันการเสื่อมคุณภาพที่อาจเกิดจากกการเก็บรักษาและอุณหภูมิที่ไม่เหมาะสม ถึงแม้ว่าผลิตภัณฑ์นั้นจะยังไม่หมดอายุก็ตาม) *

  Health Tips
  • ทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ โดยเฉพาะผัก ผลไม้ และธัญพืช
  • ดื่มน้ำสะอาด อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพื่อให้ผิวมีความชุ่มชื้นอยู่เสมอ
  • ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 6-8 ชม. จะช่วยให้ผิวพรรณแลดูสดใส
  • ทำอารมณ์ให้แจ่มใสอยู่เสมอ เพื่อชะลอวัย
  • ควรออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อให้เลือดไหลเวียนได้ดียิ่งขึ้น
Made in U.S.A. 

**สมัครสมาชิกรับส่วนลด 25% สามารถซื้อสินค้าได้จากศูนย์จัดจำหน่ายสินค้าทั่วประเทศ
 (สนใจข้อมูลธุรกิจหรือผลิตภัณฑ์ INBOX) เข้ามาค่ะ